innovestX คาด GDP ปีนี้โต 2.7% และภายในสิ้นปีนักท่องเที่ยวกว่า 28 ล้านคนไหลเข้าไทย

innovestX คาด GDP ปีนี้โต 2.7% ในปี 67 คาดโต 4.1% โดยมี 3% เป็นตัวเลขคาดการณ์มาตรฐาน ส่วนอีก 1% จะมาจากนโยบายบายรัฐ แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัวแต่อนาคตอาศัยปัจจัยบวกจากการเมืองและนโยบายกระตุ้น พร้อมให้ 4 หุ้นเด้นส่งท้ายปี 2566

คุณสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ดีกว่าปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้อีก 1% จากนโยบายรัฐบาลโดยเราคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ 4.1% (เทียบกับประมาณการเดิมที่ 3% หรือตัวเลขคาดการณ์มาตรฐาน) จากปี 2566 ที่ขยายตัว 2.7% ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาของสภาพัฒน์อยู่ที่ 2.8% ซึ่งลดลงจากเดิม 3.2%

ทั้งนี้ยังคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้ง จากปัจจัยสนับสนุนดังนี้ (1) แนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน (2) การเสร็จสิ้นการปรับลดอันดับเครดิต ผลประกอบการ และ GDP (3) นโยบายการเงินที่เริ่มลดระดับความตึงตัวของ Fed และ (4) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการท่องเที่ยว โดยความเสี่ยงสำคัญ 2 ประการที่ยากจะมองข้าม ได้แก่ ประการแรก ด้วยระดับน้ำที่ต่ำและฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลสำคัญ การเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของเกษตรกรแต่จะถูกผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาช่วยในไตรมาสที่ 1 ประการที่สอง ในกรณีที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง

นอกจากนี้ยังประเมินเป้าหมาย SET Index ปีนี้ อยู่ที่ 1,650 จุด เป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 1,750 จุด ขณะที่ในไตรมาส 4 จุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,500-1,550 จุด โดยผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 5-7% 

คุณสุกิจ เผยอีกว่าให้รอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจและตัวเลขนักท่องเที่ยวจากภาคท่องเที่ยวและบริการ หลังการมีเริ่มใช้นโยบายฟรีวีซ่าจากรัฐบาลนั่นเอง โดยเผยตัวเลขคาดการณ์นักท่องเที่ยวในปี 2566 ครั้งล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาไว้ที่ 28 ล้านคนคล้ายกับตัวเลขของทางสภาพัฒน์ และในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากถึง 35 ล้านคนในปี 2567 

ทั้งนี้ ยังให้น้ำหนักการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มธุรกิจแข่งแกร่งดังนี้ ขนส่งทางอากาศ (ท่าอากาศยาน) ธนาคาร พาณิชย์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ ในขณะเดียวกันมองว่าน้ำหนักการลงทุนที่ควรลดลงควรจะเป็นกลุ่มที่ธุรกิจกิจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและเศรษฐกิจจีน ดังนี้ ธุรกิจการเกษตร ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง และ ปิโตรเลียม

ดังนั้น หุ้นเด่นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ได้แก่ AOT BCH CRC KCE และ KTB โดยเป็นหุ้นกลุ่มที่มองว่ามีคุณภาพ อิงจากเศรษฐกิจในประเทศ ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่นั่นเอง

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ปี 2566 คาดชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเผชิญ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ (1) เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง (Synchronized slowdown) โดยเฉพาะกลุ่มการผลิตที่ความต้องการสินค้าต่างๆ เริ่มหมดลง เนื่องมาจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ (2) ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) โดยคาดดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ระดับปัจจุบันที่ 5.4% จนถึงสิ้นปี (3) ความแตกต่างระหว่างสหรัฐที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ

#innovestX #GDP #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวธุรกิจ #ข่าวประจำวัน